วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การฝังเข็ม (acupuncture)





การรักษาด้วยการฝังเข็ม (acupuncture)

การฝังเข็มเป็นศาสตร์แห่งการรักษาโรคและบำรุงสุขภาพ แขนงหนึ่งของการ แพทย์จีน ซึ่งมีประวัติยาวนาน ถึง 3,000 ปี แล้ว ควบคู่มากับการนวด การกดจุด การใช้สมุนไพร และการ ออกกำลังกาย วิธีการฝังเข็มก็โดยการนำเข็ม เล่มเล็ก ๆ บางๆ คล้ายเส้นลวดปักลงตามจุดต่าง ๆ การกำหนดจุดขึ้นอยู่กับการวินิจฉัย โรคของแพทย์ ทิ้งเข็มไว้ประมาณ 20-30 นาที อาจกระตุ้นด้วยการหมุนด้วยนิ้วมือเป็นครั้งคราว หรือด้วยไฟฟ้าหรือ ใช้สมุนไพรวางบนหัวเข็ม เผาให้ความร้อนลงไปตามเข็ม หรือ ร่วมกับการใช้ขวดสูญญากาศดูดบริเวณจุด เมื่อเอาเข็มออกแล้ว ผู้ป่วยก็กลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ ตามปกติิจำนวนครั้งที่มา รับการรักษาขึ้นอยู่กับลักษณะของ โรค ความเรื้อรัง และอายุ โดยทั่วไปแล้วจะแนะนำให้ทำ เป็น ชุด ๆ ละ 10-15 ครั้ง ทุกวัน หรือเว้นวันในระยะแรกแล้วห่างออกไปในระยะหลังการฝังเข็มจะใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธี อื่น ๆ ได้ เช่น แพทย์แผนปัจจุบัน สมุนไพร อาหารกายภาพ บำบัดและอื่น ๆ

การรักษาด้วยแพทย์แผนจีน ที่มีพื้นฐานจากระบบพลังงานที่ไหลเวียนในร่างกาย หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ "ปราณ/ชี่" (chi/qi) ซึ่งเมื่อใดที่พลังงานนี้มีสภาวะไม่สมดุล ก็อาจเกิดความผิดปกติต่อร่างกายได้ ซึ่งการรักษาเหล่านี้มีหลายรูปแบบตั้งแต่การฝังเข็ม กดจุด ไปจนถึงการใช้สมุนไพร เพื่อให้พลังงานกลับมาสู่ภาวะปกติ
การฝังเข็ม เป็นกระบวนการรักษาแบบหนึ่งที่มีการนำเข็มฝังไปตามจุดต่างๆทั่วร่างกาย ประมาณ 365-2000 จุด โดยในบางครั้งอาจรวมไปถึงการใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ และการใช้สมุนไพรหรือวิธีรักษาอื่นๆ เพื่อช่วยกระตุ้นร่วมด้วยกับการฝังเข็ม
หมอฝังเข็มหลายคนกล่าวว่า กว่าที่อาการผิดปกติจะปรากฏก็อาจกินเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน การฝังเข็มจึงช่วยรักษาได้แม้แต่ในกรณีที่ไม่มีอาการความผิดปกติใดๆ
มีการอ้างว่า การฝังเข็มสามารถใช้ในอาการผิดปกติหลายชนิด ตั้งแต่ อาการปวดต่างๆ (คอ หลัง กล้ามเนื้อไมเกรน), อาการในระบบย่อยอาหาร (ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย โรคกระเพาะ อาหารไม่ย่อย), ความดันโลหิตสูง/ต่ำ, ประจำเดือนผิดปกติ, มีลูกยาก, กล้ามเนื้ออ่อนแรง, ลดการกินอาหาร, ช่วยในอาการติดยาแม้กระทั่งช่วยเลิกบุหรี่
กลไกในการลดความเจ็บปวดของการฝังเข็ม ยังไม่สามารถสรุปได้ มีหลายๆทฤษฏีที่กล่าวไว้ เช่น การฝังเข็มไปบล็อกวิถีของระบบประสาทในเรื่องของความเจ็บปวด, บางคนก็ว่าการฝังเข็มไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารที่มีฤทธิ์ต้านการเจ็บปวด (เอนโดรฟิน) หรือแม้กระทั่งมันเป็นแค่ผลการรักษาแบบหลอกๆ (placebo effect)
เคยมีคนทำการทดลองใน USA แล้วพบว่า การกระตุ้นร่างกายด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ใช้กระแสไฟฟ้าหรือให้ความร้อน ในจุดต่างๆของร่างกาย ก็ให้ผลการรักษาเช่นเดียวกันกับการฝังเข็มได้ และความเจ็บปวดที่ลดลงจากการฝังเข็ม ก็ไม่ได้ลดอย่างถาวรและบางคนก็ไม่ตอบสนองด้วยซ้ำไป
ในขณะที่จีน มีงานทดลองเกือบ 3000 ชิ้น ที่ทำในคนไข้จริง แต่การทดลองส่วนใหญ่ เป็นการทดลองที่มีคุณภาพต่ำมากๆ เพราะ
1. การวินิจฉัยโรค เกือบทั้งหมดไม่สามารถประเมินได้จริง แนวทางการวินิจฉัยนั้น อาจเป็นแค่ความคิดเห็นของผู้ตรวจและคนไข้เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถประเมินได้จริงทางวิทยาศาสตร์
2. การศึกษาส่วนใหญ่ ศึกษาแต่ในระยะสั้น ไม่ได้กล่าวถึงผลในระยะยาว และไม่ได้กล่าวถึงผลกระทบ (side effect) ที่เกิดขึ้น
3. งานวิจัยเกือบทั้งหมด ไม่เข้าข่ายการทดลองที่ดี เช่น จำนวนตัวอย่างน้อย, การทดลองไม่เป็นแบบสุ่ม, การทดลองไม่เป็นแบบ blinding control, ไม่มีการวิเคราะห์ผลการทดลอง, ไม่มีหลักสถิติมาใช้ประกอบ ฯลฯ






ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและแพทย์ทางเลือก

สถานที่ตั้ง
ตึกอายุรกรรม ชั้น 1

วันที่เปิดให้บริการ(บริการฝังเข็ม)**
วันจันทร์,พุธ,ศุกร์วันอังคาร,พฤหัสบดี วันเสาร์
เวลา 10.00 - 20.00 น.เวลา 10.00 - 18.00 น.เวลา 08.30 - 12.00 น.
เบอร์โทร 053 - 921777 ต่อ 1192 , 1146

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การกดจุด Acupressure

การกดจุด (ACUPRESSURE)

หมายถึง การใช้นิ้วมือกด ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า Finger pressures คือ การกดสัมผัสด้วยนิ้วมือ ไม่ใช่การนวดถูซึ่งหมายถึงการใช้นิ้วมือทั้ง 5 รวมทั้งอุ้งมือฝ่ามือ ถูคลึงตามร่างกายและโดยทั่วไปการนวดมักต้องทายาหรือทาครีมนวดตัว ไม่เช่นนั้นก็อาจมีการเจ็บปวดจากการเสียดสีแต่การใช้นิ้วกดสัมผัสนั้นไม่ต้องทายาใดๆ

การกดจุดเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะในการดูแลรักษาตัวเองตามวิธีธรรมชาติบำบัดเพียงใช้ปลายนิ้วและกดอย่างถูกต้อง ตามจุดต่างๆ สามารถรักษาเยียวยาอาการเจ็บป่วยไม่สบายและโรคต่างๆ ได้ การกดจุดนั้นเป็นศาสตร์ที่พัฒนามาจากเวชกรรมการฝังเข็มเรื่องของการ “กดจุด” นี้เป็นศาสตร์ที่การแพทย์แผนโบราณของจีนได้คิดค้นขึ้นและก็ให้ผลดีแท้จริงต่อร่างกายมนุษย์ จนแม้แต่การแพทย์แผนปัจจุบันทั่วโลกต่างก็ยอมรับ การกดจุดเป็นการกระตุ้นหรือฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกายด้วยวิธีทางอย่างธรรมชาติ และสรรพคุณของการกดจุดสามารถระงับโรคต่างๆ ได้ดี จนร่างกายแข็งแรงและสุขภาพทางจิตใจก็แจ่มใสขึ้นไปด้วย การกดและกระตุ้นอย่างถูกต้อง ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบต่างๆ ภายในร่างกายให้บรรดาเหล่าอวัยวะทุกส่วนทำงานกันได้อย่างสมบูรณ์ ไม่สะดุดติดขัดหรือเสื่อมสภาพไป ช่วยเสริมความต้านทานโรคและสร้างความสมบูรณ์แข็งแรงให้แก่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เราอีกด้วย การกดจุดนั้นไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องอาศัยผู้มีคุณวุฒิทางการแพทย์มาช่วยบำบัดรักษา สามารถทำได้เองหรือให้คนในบ้านทำให้โดยต้องศึกษาวิธีการใช้นิ้วมือและจุดตำแหน่งที่ถูกต้องเท่านั้นเอง
ที่มา : การกดจุด ซอร์มันแอลผู้แปล : นรมิตร ลิ่วธนมงคลผู้เรียบเรียง :ศูนย์จีนศึกษา สถาบันราชภัฏเชียงใหม่

การกดจุด เป็นการกดนวดที่ตำแหน่งจุดฝั่งเข็ม แม้ว่าประสิทธิผลของการนวดกดจุด จะไม่เทียบเท่าการฝั่งเข็มรมยา แต่ก็เป็นวิธีดูแลสุขภาพ ทั้งแก่ตัวเองและผู้อื่น โดยไม่ต้องอาศัยยาหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ จึงเป็นวิธีที่ประหยัด สะดวก และปลอดภัย

การกดจุดแก้ท้องผูก
วิธีการกดจุดแก้ท้องผูก
ชื่อจุด: จุดอิ๋งเชียง
ตำแหน่ง: จุดอิ๋งเซียง อยู่ร่องข้างจมูก
เวลาที่กดและนวด: กดและนวดประมาณ 5-10 นาที หรือพอรู้สึกชา (อาจรู้สึกเจ็บบริเวณที่กด)









การกดให้นอนหลับ
วิธีการกดจุดให้นอนหลับ
ชื่อจุด :จุดเสินเหมิน
ตำแหน่ง : จุดเสินเหมินอยู่ตรงด้านในของรอยพับข้อมือ (ด้านใน) อยู่ตรงรอยบุ๋มพอดี
เวลาที่กดและนวด : กดและนวดประมาณ 3-5







การกดแก้อาการแน่นท้อง
วิธีการกดจุดแก้อาการแน่นท้อง
ชื่อจุด :จุดจู๋ซานหลี,เน่ยกวาง
ตำแหน่ง :จุดจู๋ซานหลี : อยู่ใต้สะบ้าหัวเข่าล่างลงไปประมาณ 3 นิ้ว หรือประมาณ 4 นิ้วมือ ข้างกระดูกหน้าแข้งด้านนอก จุดเน่ยกวาง : อยู่ห่างจากเส้นข้อมือระหว่างเอ็นทั้งสอง โดยห่างจากเส้นข้อมือ 2 นิ้ว
เวลาที่กดและนวด : กดทั้ง 2 ข้าง ประมาณ 3-5 นาที











การกดแก้ปวดน่อง
วิธีการกดจุดแก้อาการปวดน่อง
ชื่อจุด :จุดเหว่ยจง
ตำแหน่ง :จุดเหว่ยจงอยู่ตรงกึ่งกลางของรอยพับตรงข้อต่อเข่าด้านหลัง
เวลาที่กดและนวด : ให้กดและนวด ประมาณ 3-5 นาที










การกดแก้ปวดฟัน
วิธีการกดจุดแก้อาการปวดฟัน
ชื่อจุด : จุดเห่อกู่
ตำแหน่ง : คว่ำฝ่ามือลงให้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้แนบชิดติดกันจุด เหอกู่จะอยู่ตรงจุดสูงสุดของกล้ามเนื้อที่นูนขึ้นมาระหว่างนิ้วทั้งสองข้าง
เวลาที่กดและนวด : ให้กด ประมาณ 3-5 นาที











การกดแก้ปวดหัว
วิธีการกดจุดแก้อาการปวดหัว
ชื่อจุด : จุดเฟิงฉือ
ตำแหน่ง : จุดเฟิงฉืออยู่ตรงรอยบุ๋มตรงท้ายทอย แนวเดียกับกกหู
เวลาที่กดและนวด : ให้กด ประมาณ 2-3 นาที หรือนานกว่า







การกดแก้ปวดหลัง
วิธีการกดจุดแก้อาการปวดหลัง
ชื่อจุด : จุดไต **เซิ่นยวี**
ตำแหน่ง : จุดไต อยู่ใต้หนามกระดูกสันหลังเอวข้อที่ 2 มาทางด้านข้างทั้งสอง ห่างจากแนวสันหลังประมาณ 1.5 ชุ่น
ท่าเตรียม : ยืนตรง ยืดอก ศรีษะตั้งตรง มองไปข้างหน้าในระดับสายตา มือทั้งสอง ข้างท้าวสะเอว ใช้หัวแม่มือกดที่จุดไต






การกดแก้เป็นลม
วิธีการกดจุดแก้เป็นลม
ชื่อจุด : จุดหยินจง
ตำแหน่ง : จุดเหยินจง อยู่ตรงร่องใต้จมูก แบ่งร่องออกเป็น 3 ส่วน จุดเหยินจงจะอยู่ห่างลงมาจากจมูก 1 ส่วน 3 หรืออยู่เหนือริมฝีปาก 2 ส่วน 3
เวลาที่กด :กดและคลึงสักพักผู้ป่วยจะค่อยๆ รู้สึกตัว









การกดแก้เมารถเมาเรือ
วิธีการกดจุดแก้เมารถเมาเรือ
ชื่อจุด : จุดเน่ยกวาน
ตำแหน่ง : อยู่ห่างจากเส้นข้อมือระหว่างเอ็นทั้งสอง โดยห่างจากเส้นข้อมือประมาณ 2 นิ้ว
เวลาที่กด :กดสัก 2-3 นาที หรือจนอาการดีขึ้น











การกดแก้อาการเมื่อยขา
วิธีการกดจุดแก้อาการเมื่อยขา
ชื่อจุด : จู๋ซานหลี่
ตำแหน่ง : อยู่ใต้สะบ้าหัวเข่าล่างลงไปประมาณ 3 นิ้ว ข้างกระดูกหน้าแข้งด้านนอก
เวลาที่กด :ใช้เวลากดประมาณ 3-5 นาที













การกดแก้อาการลมชัก หรือลมบ้าหมู
วิธีการกดจุดแก้อาการลมชัก
ชื่อจุด : จุดหย่งเฉวียน
ตำแหน่ง : งอนิ้วเท้าทั้งห้าเข้าหาอุ้งเท้า ที่อุ้งเท้าจะปรากฏรอยบุ๋ม จุดจะอยู่ตรงรอยบุ๋มนี้
เวลาที่กด :ใช้เวลากดประมาณ 3-4 นาที หรือจนมีอาการดีขึ้นแล้วค่อยหยุด






การกดแก้อาการเลือดกำเดาออก
วิธีการกดจุดแก้อาการเลือดกำเดาออก
ชื่อจุด : จุดจมูกส่วนใน (ไน่ปี้) จุดจมูกส่วนนอก (ว่ายปี้) และจุดต่อมหมวกไต
ตำแหน่ง : จุดทั้ง 3 อยู่ที่ติ่งเล็กๆ หน้ารูหู
เวลาที่กด :ใช้เวลากดประมาณ 2-3 นาที เลือดกำเดาจะหยุด







การกดแก้อาการสะอึก
วิธีการกดจุดแก้อาการสะอึก
ชื่อจุด : จุดจ่านจู๋
ตำแหน่ง : จุดจ๋านจู๋อยู่ตรงหัวคิ้วทั้งสองข้าง
เวลาที่กด :ใช้เวลากดประมาณ 3-6 นาที พอหายสะอึกจึงหยุดกด








การกดแก้หวัด
วิธีการกดจุดแก้หวัด
ชื่อจุด : จุดเหอกู๋
ตำแหน่ง : คว่ำฝ่ามือลง ให้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้แนบชิดติดกัน จุดเหอกู่จะอยู่ตรงสูง สุดของกล้ามเนื้อที่นูนขึ้นมาระหว่างนิ้วทั้งสอง
เวลาที่กด :กดข้างละประมาณ 20 ครั้ง
การกดแก้อาการอาเจียน
วิธีการกดจุดแก้อาการอาเจียน
ชื่อจุด : จุดเน่ยกวาน
ตำแหน่ง : อยู่ห่างจากเส้นข้อมือ ระหว่างเอ็นทั้งสองโดยห่างจากเส้นข้อมือ 2 นิ้ว
เวลาที่กด :กดสักครู่หนึ่งจนมีอาการดีขึ้น จึงหยุดกด

การกดแก้อาการหอบหืด
วิธีการกดจุดแก้อาการหอบหืด
ชื่อจุด : จุดฉ่วนสี
ตำแหน่ง : อยู่ด้านข้างทั้งสองของกระดูกสันหลัง ตรงกระดูกสันหลังอกข้อที่ 1 โดยห่างจากแนวกึ่งกลางกระดูกสันหลังออกไปด้านข้างข้างละ 1 นิ้ว
เวลาที่กด :กดประมาณ 2-3 นาที

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552




การแพทย์ทางเลือก - Alternative Medicine

การแพทย์ผสมผสาน - Integrated Medicine

การแพทย์แบบองค์รวม - Wholistic Medicine


เราลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับทางเลือกในการดูแลสุขภาพอีกแนวทางหนึ่ง เพื่อสุขภาพ-อนามัยที่สมบูรณ์ของเรา ให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ

การเจ็บไข้ได้ป่วยของประชาชนในอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นผลมาจากการดำเนินชีวิตโดยไม่ค่อยสนใจต่อสุขภาพของตนเอง มีการใช้ร่างกายอย่างฟุ่มเฟือย เมื่อเจ็บป่วยก็จะปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของแพทย์ในการค้นหาและดำเนินการรักษาโรค บ่อยครั้งจำเป็นต้องใช้การตรวจวินิจฉัยโรคทางห้องปฏิบัติการร่วมด้วย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพความแม่นยำในการรักษามากยิ่งขึ้น แม้การแพทย์ของเราจะได้มีการพัฒนาความก้าวหน้าไปอย่างมาก ทั้งด้านบุคคลากร อุปกรณ์และเทคโนโลยี่ในทุกสาขา แต่ในขณะเดียวกันความเจริญทางโลกยุคโลกาภิวัฒน์มีผลทำให้มีการพัฒนาของโรคตามไปด้วย มีโรคใหม่ที่เป็นอันตรายเช่น โรคเอดส์ มีโรคเดิมที่เคยควบคุมได้กำลังกลับมาระบาดใหม่เช่น วัณโรค มาลาเรีย โรคเท้าช้าง โรคเกี่ยวกับการบริโภคเช่นโรคอ้วนไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงโรคแบบเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เริ่มมีการมองถึงปัญหาต่างๆข้างต้น และทำการค้นคว้า ศึกษา โดยแพทย์และผู้ที่มีความสนใจเรื่องสุขภาพ พอแสดงให้เห็นว่าเป็นผลจากสิ่งแวดล้อม มลพิษ คุณภาพอาหารและการบริโภค ภาวะความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ล้วนส่งผลให้ง่ายต่อการเจ็บป่วยของคนเรา การที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ เพื่อให้มี ภูมิชีวิต ของแต่ละบุคคลมีความแข็งแรง ร่างกายจะมีภูมิต้านทานต่อโรค ร่างกายก็ไม่เจ็บป่วยง่ายการแพทย์ทางเลือกหรือการแพทย์แบบผสมผสาน อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยและแตกต่างกันไปบ้าง แต่ประเด็นสำคัญใหญ่ๆก็คือ การเลือกสรรอาหาร พืชผัก สมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกายเสริมสร้างสุขภาพ การผักผ่อน การฝึกควบคุมอารมณ์และจิตใจเหล่านี้ล้วนเป็นวิถีเพื่อสุขภาพที่ประหยัดและเป็นธรรมชาติ ในการสร้างเสริมภูมิชีวิตให้แข็งแรงช่วยตนเองให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ


การแพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine) คือการรักษาพยาบาลอีกรูปแบบหนึ่ง แตกต่างไปจากการแพทย์แผนปัจจุบัน (Conventional Medicine) ซึ่งผู้ที่ให้การรักษา จะต้องสำเร็จการศึกษาวิชาชีพแพทย์ และได้รับใบประกอบโรคศิลปะ เป็นแพทย์ทั่วไป หรือแพทย์เฉพาะทาง ส่วนแพทย์ทางเลือก เป็นวิทยาการผสมผสานให้ใกล้เคียงกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ มิใช่การแพทย์ที่ให้การรักษาโดยใช้ยาแผนปัจจุบัน ผู้ให้การรักษา ไม่จำเป็นต้องจบวุฒิทางการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่เป็นผู้ที่ผ่านการอบรม และได้รับการฝึกฝนจนเป็นที่ชำนาญในแต่ละสาขา เช่น

Acupressure การใช้มือและนิ้วมือ ในการกดจุดตำแหน่งที่สำคัญของร่างกาย เพื่อให้เกิดพลังชีวิตในการรักษาพยาบาล

Acupuncture คล้ายกับการกดจุด แต่เป็นการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ คือ เข็ม ฝังลงในตำแหน่งต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้เกิดพลังไหลเวียนทั่วร่างกาย

Aromatherapy เป็นการบำบัดรักษาด้วยน้ำมันหอมระเหยซึ่งได้จากพืช เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย จะเป็นวิธีการรักษา ที่ใช้ร่วมกับวิธีอื่นๆ เช่น การนวด

Ayurvedic Medicine เป็นการบำบัดรักษาที่มีรากฐานจากประเทศอินเดีย มานานกว่า 5,000 ปี เช่น การฝึกโยคะ และทำสมาธิ โดยอาจให้การรักษาอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น สมุนไพรบำบัด การนวดด้วยน้ำมัน และกำหนดชนิดอาหารเพื่อการสลายพิษ จะนำไปสู่ความสมดุลของร่างกาย

Body Work เป็นการบำบัดเพื่อให้เกิดการผ่อนคลาย โดยเฉพาะบนกล้ามเนื้อและกระดูก ด้วยวิธีการฝึกให้มีการเคลื่อนไหว ของร่างกายที่เหมาะสม เช่น การนวด (Message), จี้กง (Guigong), Reflexology, Shiatsu และ ไทเก๊ก (Tai Chi)

Chinese Herbs การบำบัดด้วยสมุนไพรจีน จะใช้ร่วมกับการฝังเข็ม หรือการกดจุด เพื่อให้เกิดความสมดุลของร่างกาย

Chiropractic เป็นการบำบัด โดยอาศัยหลักการที่ร่างกายสามารถบำบัดตนเอง และทำให้เกิดความสมดุล ซึ่งระบบประสาทของร่างกาย จะเป็นตัวควบคุมการบำบัดด้วยวิธีนี้ จะใช้มือบีบนวด บริเวณกระดูกสันหลัง ข้อต่างๆ และกล้ามเนื้อ เพื่อให้ระบบกล้ามเนื้อ ประสาท และกระดูก ทำงานได้อย่างราบรื่น

Herbal Therapies เป็นการบำบัดด้วยการใช้พืชสมุนไพร ทั้งในรูปแบบธรรมชาติ และสารสกัดยาเตรียมต่างๆ เช่น เม็ด แคปซูล ขี้ผึ้ง หรือครีม เป็นต้น

Homeopathy เป็นการบำบัดโดยอาศัยหลักการ "Liki Cure Like" สารที่เป็นต้นเหตุของอาการเจ็บป่วย ในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง จะเป็นที่บำบัดอาการเดียวกัน ที่เกิดขึ้นในคนไข้ เป็นการเตรียมที่เจือจางในผู้ที่แข็งแรงแล้วสังเกตผลปรับเปลี่ยนยาเตรียมให้เหมาะสม

Hydrotherapy การบำบัดด้วยน้ำ (ธาราบำบัด) โดยใช้น้ำแข็ง ของเหลว และไอน้ำ เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ ของการติดเชื้อ อาการปวดเรื้อรัง และเฉียบพลัน ปัญหาการไหลเวียนของโลหิตและอื่นๆ การรักษาจะหมายรวมถึง การห่อหุ้ม การใช้สเปรย์ การสวนล้าง การอบไอน้ำและซาวน่า รวมถึงการใช้ทั้งความร้อนและความเย็น

Mind/Body Medicine จะเป็นการบำบัดด้วยหลายๆ วิธี ที่เชื่อมโยงระหว่างจิตใจ และร่างกาย ซึ่งมีอิทธิพลต่อระบบฮอร์โมน ประสาท และภูมิคุ้มกัน เช่น การสะกดจิต การฝึกสมาธิ โยคะ ฯลฯ

Naturopathic Medicine การบำบัดโดยอาศัยหลักการ สรีระและจิตใจ สามารถรักษาโรค ซึ่งผู้ให้การรักษาจะใช้วิธีต่างๆ เช่น Homeopathy, Herbal Remedies การใช้สมุนไพรจีน, Spinal Manipulation, โภชนาการ, Hydrotherapy, การนวด และการออกกำลังกาย ในการรักษาโรค

Nutrition and Diet การบำบัดด้วยโภชนาการ หรืออาหาร เป็นการควบคุมชนิดของอาหารที่รับประทาน ตามโรคที่เป็น

Osteopathy การบำบัดโดยการแก้ไขปัญหาของระบบกล้ามเนื้อ และกระดูก เพื่อให้ร่างกายสามารถทำตนได้ปกติ วิธีการรักษานี้ จะใช้ร่วมกับการบำบัดปัจจัยทางจิต รูปแบบความเป็นอยู่ และโภชนาการ เพื่อขจัดความเจ็บป่วยและทำให้มีสุขภาพดี ผู้ทำการรักษาจะต้องสำเร็จวิชาชีพแพทย์ และได้รับการฝึกฝนต่อ ในสาขานี้ ซึ่งจะเป็นการแพทย์แผนปัจจุบัน

เอกสารอ้างอิง : สุฮวง ฐิติสัตยากร. ไขข้อข้องใจทางวิชาการ. วารสารอาหารและยา 5 (มกราคม-เมษายน 2541) : 72-75.